วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ตารางเวลาประจำวัน

เวลา 5.00 - 7.00 นาฬิกา : ได้เวลาตื่นนอน

ในช่วงเวลานี้ร่างกายจะตื่นนอน ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายจะค่อยๆ ขับเคลื่อนการทำงานขึ้นทีละน้อย หลอดเลือดหดตัวแคบลง หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนหลายชนิดทั่วร่างกายจะหลั่งออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ร่างกายมีอารมณ์ทางเพศรวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นใครที่ยังมัวแต่นอนขี้เกียจอยู่กับที่นอนในตอนนี้ ก็เท่ากับทำให้ระบบของร่างกายที่ปกติจะดำเนินไปตามเวลาทำงาน ผิดพลาดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวันใหม่ และสูญเสียความตื่นตัวไปตลอดทั้งวันเลยหละค่ะ

 
เวลา 7.00 - 10.00 นาฬิกา : เวลาอาหารเช้า

ระบบของอวัยวะทั่วทุกส่วนเริ่มตื่นสู่การทำงาน ร่างกายต้องการอาหารเช้าที่ดี และมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายได้รับเข้าไป จะถูกเผาผลาญให้กลายเป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว หากรับประทานยาแก้ปวดในช่วงหลังอาหารเช้า ยาก็จะออกฤทธิ์ระงับปวดได้ดี คุณผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งที่มดลูกหากได้รับประทานยารักษาโรคดังกล่าวในช่วงเวลานี้ โอกาสที่จะช่วยระงับยับยั้งโรคก็จะเพิ่มสูงขึ้น หลอดเลือดหดแคบลง ดังนั้นเวลาออกกำลังกายตอนเช้าๆ ก็อย่าหักโหมมากนัก เพราะอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันจนถึงขึ้นหัวใจวายได้ แต่สำหรับบางคนก็อาจไม่เกิดอาการเช่นนั้นก็เป็นได้ ต้องคอยสังเกตตัวเอง ส่วนคนที่สูบบุหรี่ หากงดสูบมวนแรกของวันนี้เสียได้ก็จะดีมาก

 
เวลา 10.00 - 12.00 นาฬิกา : พละกำลังเต็มเปี่ยม

ในช่วงเวลานี้ของแต่ละวัน ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและจิตใจจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดเลยเชียวค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลา 11 โมงเช้า จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของระบบการทำงานของหัวใจและไหลเวียนของโลหิต ความสามารถในการเรียนรู้ ทางด้านการคิดและการพูดจะมีความคล่องแคล่วว่องไวอย่างล้นเหลือ เราจะรู้สึกมีสมาธิ และมีความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษ ส่วนใครที่มีงานสำคัญ หรือการสอบที่ต้องทำในช่วงเวลานี้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาดีค่ะ

 
เวลา 12.00 - 14.00 นาฬิกา : เวลาพักกลางวัน

หลังจากช่วงเวลาแห่งจุดสูงสุดผ่านพ้นไป ก็ได้เวลาที่ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งก็พอดีกับเวลาที่เราจะต้องรับประทานอาหารกลางวันเพื่อเติมพลังงานให้แก่ตัวเองอีกครั้ง และในช่วงที่ร่างกายกำลังย่อยอาหารให้กลายเป็นพลังงานอยู่นี้ หากได้งีบหลับสัก 15 นาที หรือออกไปเดินเล่นสักพักในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง ก็จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น หากใครไม่มีโอกาสได้พักหลังอาหารมื้อเที่ยงด้วยกิจกรรมดังกล่าวนั้นเลย ช่วงบ่ายของเขาก็อาจจะเข้าถึงสมาธิได้ยากค่ะ

 
เวลา 14.00 - 17.00 นาฬิกา : ช่วงอึดต่อความเจ็บ

ในช่วงเวลานี้ประสิทธิภาพของร่างกายจะกลับฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปได้สักประมาณตอนบ่ายสามโมง ผิวพรรณของเราจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น และมีเหงื่อออกง่ายกว่าช่วงเวลาอื่นๆ หากมีนัดกับหมอเพื่อทำฟันในช่วงเวลานี้จะดี เพราะว่าจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าช่วงเวลาอื่นๆค่ะ เนื่องจากเป็นเวลาที่ฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินหลั่งออกมามาก จึงสามารถช่วยกดความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ได้ นอกจากนั้น ช่วงเวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการบำบัดทางกายภาพอีกด้วย

 
เวลา 17.00 - 20.00 นาฬิกา : ช่วงเวลาสบายๆ

ความกระตือรือร้นของระบบทำงานภายในร่างกายจะค่อยๆ ถดถอยลง อีกทั้งอุณหภูมิความร้อนภายในกายก็จะลดลงด้วย ประมาณเวลา 17 นาฬิกา ประสาทรับรู้กลิ่นและรสชาติของอาหารจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปฎิกิริยาต่อความ เครียดจะไม่ค่อยมี และสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป โรคปวดข้อหรือโรคภูมิแพ้ เวลา 19 นาฬิกาจะเป็นเวลาซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการรับประทานยาเพื่อบำบัดรักษาอาการของโรคดังกล่าว

 
เวลา 20.00 - 22.00 นาฬิกา : เวลาแห่งความรู้สึก

ในช่วงเวลานี้ปฏิกิริยาของร่างกายอาจมีความไวต่อสิ่งเร้า อีกทั้งประสาทสัมผัสยังเปิดรับรสสัมผัสที่อ่อนโยน เสียงเพลงที่แว่วหวาน และกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มาปลุกเร้าอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าในช่วงเวลาอื่นๆ นอกจากนั้น การได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ก็จะช่วยก่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ควรดื่มเกินกว่า 1 แก้วนะคะ แค่พอหอมปากหอมคอ เพื่อให้คืนนี้สามารถหลับได้อย่างมีความสุข

 
เวลา 22.00 - 01.00 นาฬิกา : ได้เวลาเข้านอน

ในช่วง 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง นับเป็นช่วงเวลาที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้หลั่งออกมาอีกด้วยการรับประทานอาหารใดๆ ทั้งนี้เพราะการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายกำลังจะเข้าสู่ความสงบนิ่ง หลังจากที่ได้ทำงานจนอ่อนล้ามาตลอดทั้งวันแล้ว ฉะนั้น ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาดีที่จะเข้านอน อย่างไรก็ตาม ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะยังไม่เข้านอนตามไปด้วย แต่จะทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งต่อไป ด้วยเหตุนี้เชื้อโรค ของเสีย และสารพิษจะถูกจัดการลำเลียงไปทำลายทิ้งที่ตับ และทุกๆ ค่ำคืนเซลล์เนื้อเยื่อ และเซลล์ผิวต่างๆ ก็จะถูกซ่อมแซมให้กลับฟื้นตัวแข็งแรงขึ้น หรืออาจมีการสร้างเสริมขึ้นใหม่ด้วยค่ะ

 
เวลา 01.00 - 05.00 นาฬิกา : ช่วงนิทราสนิท

หนึ่งชั่วโมงหลังเที่ยงคืนเป็นช่วงเวลาแห่งการหลับลึกที่แสนสุข ของผู้ที่สามารถทำตามตารางแห่งสุขภาพที่สาธยายมานี้ได้สำเร็จ และในช่วงนี้นี่เองเป็นเวลาที่มนุษย์เราจะฝัน ซึ่งคืนหนึ่งๆ อาจฝันได้ถึงสองสามครั้ง แต่ไม่เสมอไปที่เราจะสามารถจดจำความฝันได้ในทุกครั้งหรือทุกเรื่อง นอกจากนั้น การทำหน้าที่ของตับในการขจัดสารพิษ อย่างเช่น แอลกอฮอล์ ก็จะมาถึงจุดสูงสุด และสำหรับใครบางคนที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด ช่วงเวลานี้ก็จะมีอันตรายสูงสุดเช่นกัน เพราะ 80% ของผู้ป่วยอาการจะกำเริบในช่วงนี้ ฉะนั้น จะต้องตระเตรียมสเปรย์หรือยาฉีดขยายหลอดลมเอาไว้ใกล้ๆ ตัว จะได้หยิบฉวยทันท่วงที

พอใกล้รุ่งเช้า เส้นเลือดใต้ผิวก็เริ่มจะหดตัวลงอีกครั้ง อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น... และแล้วกลไกการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย จะค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทำงาน ต้อนรับเช้าวันใหม่ ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน..

 ปล.เอามาฝากชาวเด็กดีกันจ้า



อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=891997#ixzz1RItknyTs

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น